ข้างหลังภาพ
โครงเรื่องและเนื้อเรื่องโดยสังเขป
"ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีคนที่ฉันรัก"
ประโยคที่เป็นวรรคทองกินใจจากเรื่อง ข้างหลังภาพ ปลายปากกาของ ศรีบูพา ซึ่งเป็นนวนิยายที่ สะท้อนสภาพสังคมในสมัยนั้นโดยมีเนื้อหาเล่าถึงความรักที่ไม่สมหวัง
ของหม่อมราชวงศ์กีรติ กุลสตรีหญิงผู้เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะแต่กลับไม่เคยรู้จักคำว่ารัก เมื่ออายุมาถึงวัย ๓๕ ปี เธอจำต้องแต่งงานกับเจ้าคุณอธิการบดีพ่อม่ายวัย ๕๐ ปีทีหลังแต่งงานทั้งคู่ได้เดินทางไปฮันนีมูนที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในสมัยก่อนนั้นการเดินทางยังไม่สะดวกสบายเท่าสมัยนี้ต้องเดินทางหลายวัน และอยู่ยาวนานเป็นเดือน การเดินทางครั้งนี้ทำให้เธอได้พบกับ นพพร เด็กหนุ่มนักเรียนนอกลูกของเพื่อนเจ้าคุณอธิการบดีที่คอยทำหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่และให้พาคุณหญิงเที่ยวชมญี่ปุ่นเพราะเจ้าคุณอธิการบดีอายุมากแล้วด้วยการนี้ทำให้ทั้งสองใกล้ชิดและสนิทสนมเกิดเป็นความรักเพราะนพพรเป็นเด็กหนุ่มวัยคึกคะนองเรื่องความรัก อีกทั้งคุณหญิงกีรติแม้จะมีอายุเป็นวัยผู้ใหญ่แต่ยังเป็นผู้ที่ดูแลตัวเองจึงยังดูสาวและสวยอยู่ นพพรได้บอกความรู้สึกภายในใจของตนเองที่มิตาเกะเมื่อครั้งไปเที่ยวกับคุณหญิงเพียงลำพังแต่คุณหญิงแม้จะเกิดความรักขึ้นภายในใจแต่ก็ไม่ได้พูดออกไปโดยตรงเพียงแต่บอกเป็นนัยผ่านคำพูดและการแสดงออก เนื่องด้วยขนบธรรมเนียมรวมความเหมาะสมและความถูกต้องที่ได้รับการเลี้ยงดูและอบรมมาจึงข่มใจและหักห้ามความรู้สึกของตนเองในฐานะที่เป็นหญิงมีสามีแล้ว แต่นพพรก็หาได้ดีความนัยนั้นได้และพยามที่จะให้คุณหญิงบอกว่ารัก หลังจากที่หม่อมราชวงศ์กีรติและสามีเดินทางกลับเมืองไทย ในช่วงแรกนพพรเขียนจนหมายส่งถึงคุณหญิงเป็นประจำและพร่ำถึงความรักที่มีให้ แต่นานวันเข้าความรักนั้นก็เจือจางหายไปเป็นความรู้สึกเพียงมิตรและพี่สาวที่ดี จากจดหมายที่เคยส่งให้บ่อยครั้งก็เลือนหาย สวนทางกับความรักของคุณหญิงที่นับวันจะยิ่งเพิ่มขึ้น และไม่นานเจ้าคุณอธิการบดีก็ถึงแก่กรรมเวลาล่วงเลยไปจนกระทั่งเมื่อนพพรเรียนจบจากญี่ปุ่นก็เดินทางกลับประเทศไทยและแต่งงานกับคนที่ครอบครัวหาให้ หลังจากนั้นไม่นานหม่อมราชวงศ์กีรติก็ล้มป่วยหนักด้วยโรควัณโรคและต้องการพบนพพร เมื่อนพพรไปถึงหม่อมราชวงศ์กีรติก็ได้มอบภาพวาดมิตาเกะที่วาดขึ้นด้วยฝีมือของเธอซึ่งเป็นสถานที่ที่เกิดความรักและเพื่อระลึกถึงความรักของทั้งคู่ ซึ่งตอกย้ำถึงความรักที่เกิดขึ้นและตัดพ้อว่า “ความรักของเธอเกิดที่นั่น และก็ตายที่นั่น
แต่ของอีกคนหนึ่งยังรุ่งโรจน์อยู่ในร่างที่กำลังจะแตกดับ” ก่อนหน้าจะสิ้นใจเธอต้องการพูดประโยคสุดท้ายกับนพพรแต่ไม่มีเสียงและเรี่ยวแรงจึงเขียนลงบนกระดาษความว่า "ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน
แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีคนที่ฉันรัก" และ ๗ วันต่อมาเธอก็ถึงแก่กรรมลงอย่างสงบท่ามกลางความภักดีและความมั่นคงต่อความรักที่มีต่อนพพร
นพพรคือตัวแทนผู้ชายที่อยู่ในวัยคึกคะนอง เมื่อเกิดความรักก็จะรักแรง ต้องการที่จะให้คุณหญิงรักตอบ โดยมองข้ามความถูกต้อง ความเหมาะสม จารีตและขนบธรรมเนียมที่เป็นบรรทัดฐานและค่านิยมของสังคมไป
ส่วนคุณหญิงกีรติ ด้วยความที่เป็นลูกเจ้าขุนมูลนายและอยู่ในวัยที่เป็นผู้ใหญ่กว่า อีกทั้งยังมีความเป็นกุลสตรีและสูงศักดิ์อยู่ในขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณี เมื่อครั้งที่เกิดความรักนพพรขึ้นภายในใจก็ไม่ได้พูดออกไปด้วยอยู่ในฐานะหญิงที่มีสามีเพราะรู้ถึงการหักห้ามใจและความเหมาะสม แม้ครั้งที่เจ้าคุณอธิการบดีจะเสียชีวิตลงก็ไม่ได้บอกความในใจไปโดยตรง
อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงความรักที่ต่างกันทั้งช่วงอายุและวัยที่ต่างกันความรักแบบผู้ใหญ่กับความรักแบบเด็กหนุ่มและความต่างชนชั้นของฐานันดร
รวมถึงวิถีชีวิตของยุคสมัยนั้นที่อาจเกิดการคลุมถุงชน การแต่งงานกับคนที่พ่อแม่หาให้
ข้อคิด
จะเห็นได้ว่านวนิยายเรื่องนี้ให้มุมมองชีวิตอย่างสมเหตุสมผลคือ ไม่มีใครที่จะเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบทุกอย่าง แม้ตัวละครอย่างคุณหญิงกีรติที่ดูจะเป็นตัวละครที่สมบูรณ์แบบแต่ในเรื่องของความรักกับเป็นความรักที่ไม่สมหวังแม้ถึงคราวสุดท้ายของชีวิตก็ตาม การใช้สติในเรื่องของความรักอย่าใช้เพียงแค่อารมณ์แต่ให้ดูถึงความเหมาะสมและความถูกต้องอย่างตัวละครของกีรติที่ใช้ความเหมาะสมและความถูกต้องมาหักห้ามใจความรู้สึกอย่าใช้เพียงแค่อารมณ์อย่างตัวละครของนพพร การรู้จักหน้าที่ของตนเองจะเป็นได้ว่านพพรเป็นหนุ่มที่เรียนอยู่ญี่ปุ่นแม้จะรักคุณหญิงกีรติเพียงใดก็ไม่ได้ละทิ้งการเรียนตามคุณหญิงกลับแต่อยู่เรียนจนจบ และการรู้ถึงสถานะของตนเอง จะเห็นได้ว่าตอนที่เจ้าคุณอธิการบดียังมีชีวิตขณะนั้นคุณหญิงมีสถานะเป็นภรรยา คุณหญิงไม่เคยบอกรักหรือพูดว่ารักนพพรเพราะรู้ถึงสถานะในขณะนั้นของตนเห็นได้ว่าคุณหญิงกีรติคือหญิงที่มีความเป็นกุลสตรีไทยแบบหนึ่ง ที่ไม่ให้ความปรารถนามาเป็นใหญ่ในใจแม้จะมีโอกาส อีกทั้งยังได้มุมมองในแง่ความแตกต่างระหว่างความรักของผู้หญิงกับผู้ชาย คือความรักของผู้ชายนานวันไปอาจเปลี่ยนเป็นอื่นแต่ผู้หญิงยังอยู่ในใจตลอดเวลาและมีแต่จะเพิ่มขึ้น เราจึงควรที่จะรักตัวเองมากๆไม่ควรทุ่มเททั้งชีวิตและใจทั้งหมดให้ใครเพราะสิ่งที่ให้มันมีวันเปลี่ยนแปลงและถ้าเรายึดติดกับสิ่งนั้นเราจะมีแต่ความทุกข์
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น