การงีบหลับมีประโยชน์มากกว่าที่คิด


การงีบหลับมีประโยชน์มากกว่าที่คิด


คุณเคยตื่นขึ้นมาแล้วมีอาการมึน รู้สึกเหนื่อยกว่าตอนก่อนนอนและอยากงีบหลับตลอดเวลาหรือไม่ ?  แล้วคุณรู้ไหมว่าการได้งีบหลับสักครู่ในระหว่างวัน ไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกสดชื่นแต่ยังส่งผลดีต่อสมอง
คณะนักวิจัยที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด บ่งชี้ว่า การงีบหลับพักผ่อนตอนกลางวัน อาจเป็นวิธีการที่ดีในการศึกษาเล่าเรียนและการทำงาน ผลการศึกษากับอาสาสมัคร 99 คน พบว่า ในการทำงานยากๆ นั้น หากได้งีบหลับพักสักงีบใหญ่ เมื่อตื่นขึ้นมา จะทำให้ทำงานนั้นได้ง่ายขึ้น และระหว่างที่หลับนั้น หากฝันถึงงานที่ทำอยู่ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำงานนั้นได้ดียิ่งขึ้น
         การงีบหลับนั้นคือการนอนในเวลากลางวันในช่วงสั้น ๆ เนื่องจากการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอในตอนกลางคืน หรือความเหนื่อยล้าจากการใช้สมอง หรือร่างกายมาก ๆ การงีบหลับนั้นไม่เพียงทำให้หายจากอาการง่วงนอนและทำให้รู้สึกตื่นตัวมากขึ้น แต่ยังช่วยปรับปรุงอารมณ์และกระตุ้นความจำและกระบวนการเรียนรู้ อีกทั้งการงีบหลับยังส่งผลดี ดังนี้
  • ·         ช่วยปรับปรุงสมาธิและความถูกต้อง 
  • ·         ช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น 
  • ·         ช่วยจัดการกับอารมณ์ได้ดีขึ้น 
  • ·         ช่วยลดความตึง
  • ·         ช่วยให้รู้สึกตื่นตัว
  • ·         ลดความดันโลหิต
  • ·         ลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจ

ผลวิจัยทางการแพทย์ พบว่าการงีบหลับระหว่างวัน ไม่เพียงช่วยคลายความง่วงเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความโลหิต และลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจด้วย โดยแพทย์ได้ทำการวิจัยจากกลุ่มชายและหญิงวัยกลางคนเกือบ 400 คน และพบว่าคนที่ได้งีบหลับในช่วงกลางวันนั้น มีความดันโลหิตต่ำกว่าผู้ที่ตื่นตลอดวัน ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งความแตกต่างเพียงเล็กน้อยนี้ มากพอที่จะสร้างผลกระทบร้ายแรงอย่างโรคหัวใจได้ 
เมื่อทราบถึงข้อดีและประโยชน์ของการงีบหลับแล้ว แล้วคุณรู้ไหมว่าการงีบหลับกี่นาทีจึงจะส่งผลดีต่อร่างกาย เวลาในการงีบหลับที่ดีที่สุด คือ
10 – 20 นาที หรือที่เรียกว่า Power nap เพิ่มความสดชื่นและเพิ่มพลังงานในกรณีที่คุณกำลังทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากกว่าใช้สมองจดจำ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับแนะนำว่า? “พลังของการงีบหลับ 10-20 นาที สามารถทำให้คุณตื่นตัว อย่างรวดเร็วและทำให้จิตใจแจ่มใสสามารถใช้วิธีนี้ได้ตลอดทั้งวันจนถึงตอนดึก” 
30 นาที เป็นระยะเวลาที่ไม่ค่อยจะดีนัก เพราะผลการวิจัยบอกว่าการนอนด้วยเวลาเท่านี้ จะทำให้คุณมีอาการง่วงซึม ปวดหัว เหมือนคน hang ตื่นนอน รู้สึกมึนๆ งงๆ และลุกขึ้นยาก
ผลวิจัยพบว่าการใช้เวลางีบระหว่างวันเกินกว่า 30 – 45 นาที หรือการงีบช่วง 11.00 นอกจากจะไม่ส่งผลดีกับร่างกายแล้ว ยังก่อให้เกิดผลเสีย เช่น ทำให้ช่วงกลางคืนนอนไม่หลับ และอาจมีปัญหาสุขภาพ
60 นาที เป็นการนอนที่จะส่งผลดีต่อความจำหลังจากตื่นขึ้นมา จะช่วยให้สมองคุณปลอดโปร่งในระดับหนึ่งทำให้สามารถจดจำข้อมูลต่าง ๆ ได้ดีขึ้น การนอนด้วยเวลาเท่านี้จะทำให้สมองอยู่ในขั้น slow-wave sleep คือหลับลึกในระดับนึงนั่นเอง แต่ข้อเสียก็คือการนอนด้วยเวลาเท่านี้ จะทำให้คุณงัวเงียมาก และตื่นยากพอสมควร เหมาะสำหรับพักผ่อนในขณะที่คุณโหมงานหนักบางอย่างอยู่ เช่น การอ่านหนังสือสอบข้ามคืน
90 นาที เป็นระยะเวลาการนอนที่สมองจะได้พักผ่อนอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด และมีการเข้าสู่ขั้นตอนของการฝัน ช่วยให้สมองได้พักเต็มที่ และหลังจากตื่นจะมีอารมณ์ดีขึ้น มีความจำที่แม่นยำขึ้น และจินตนาการสร้างสรรค์ทำงานได้เต็มที่
          แม้ว่าการงีบหลับจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าที่คิดและไม่เพียงแต่ทำให้หายจากอาการง่วงนอนเท่านั้น แต่จะดีกว่าหรือไม่หากคุณนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอในเวลากลางคืน ไม่อดหลับอดนอนรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณเริ่มต้นวันใหม่ได้อย่างสดใสกระปรี้กระเปร่า สมองปลอดโปร่งพร้อมกับการทำกิจกรรมใหม่ ๆ ระหว่างวัน ไม่รู้สึกง่วงและตื่นยากอีกต่อไป


อ้างอิง
http://scienceillustratedthailand.com/nature/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99/
นางสาวเพ็ญผกามาส หมอกบัว
รหัสนิสิต 601081231 คณะนิติศาสตร์

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ข้างหลังภาพ